วันนั้นเป็นวันที่ผมตื่นเช้าไปส่งหม่อมแม่ที่ที่ทำงานครับ เพราะผมต้องใช้รถไปรับน้องสาวในตอน 11 โมง แล้วก็จะออกไปแร่ดในตอนเย็น แต่ด้วยคามที่หม่อมแม่ต้องทำงานในเวลาเช้าตรู่ ผมเลยต้องพลอยตื่นเช้าไปด้วย และด้วยความที่ไม่รู้จะไปไหนดีหลังจากเวลาอันเช้าตรู่นั้น ผมนั่งคร่ำคิดชั่วครู่ (จะใช้ภาษาเก่าทำไม) ก็เลยไลน์ไปหาเพื่อนสาวที่สนิทกัน ปรากฎว่า นางอยู่ที่ที่ทำงานแม่ผมพอดีครับ (แม่ผมทำงานที่ รพ. ครับ) มาเฝ้าแฟนของนาง ผมก็เลยชวนออกไปนั่งเล่นที่ร้านกาแฟ แต่นางบอกขี้เกียจ (เอ้า อิเดาะ) ผมก็เลยนั่งอยู่ในรถฟังเพลงอยู่นานพอสมควรพร้อมกับคิดไปว่า เราจะไปไหนดีนะ ชีวิตของคุณชายมันช่างว่างเปล่าเสียเหลือเกิน เมื่อมองดูเวลา ผมมีเวลาอีกประมาณสองชั่วโมงก่อนไปรับน้องสาว เมื่อเลขสองปรากฎขึ้นในหัวสมอง มันก็มีสิ่งนึงที่เกี่ยวกับเลขสองปรากฎขึ้นในความคิด นั่นคือ "ภาพยนตร์"
ผมหยิบมือถือขึ้นมาเช็คในแอพลิเคชั่นของค่าย มาจอร์ กดเข้าไปที่โรงภาพยนตร์ที่ใกล้ที่สุด พร้อมกับหนังที่อยากดูที่สุดในเวลานั้น นั่นคือ "ชัปปุยส์" ถุ๊ย "CHAPPIE" ครับ
เมื่อเวลาเหมาะเจาะขนาดนี้ และมีหนังที่อยากดู มีหรือคุณชายจะไม่ไป ผมรีบใส่เกียร์ถอยแล้วมุ่งหน้าไปยังห้างตัว C ใหญ่ ในทันใด ใส่เกียร์หมาขึ้นไปชั้นสองเพราะมันใกล้ฉายเต็มทีแล้ว ผมรีบบึ่งไปที่ตู้แล้วกดดูรอบหนัง
คะ..คุณพระ... CHAPPIE ไม่มีรอบ (อีเดาะ หลอกกู๊ววว) ผมเลื่อนดูอย่างถีถ้วนด้วยความรอบคอบอย่างสูงสุด แล้วก็พบว่า เออ ไม่มีจริงๆด้วยแหละ ทันใดนั้นผมก็เหลือไปเห็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งเป็นภาพยนตร์ต่างชาติเช่นเดียวกัน เรื่องนั้นคือ "PREDESTINATION ยึดเวลาล่าอนาคต" หื้มมม.. ยึดเวลา ล่าอนาคต น่าสนใจมิใช่น้อย กดเข้าไปดูรอบหน่อยซิ แล้วผมก็พบว่า มันเลยเวลาฉายไปประมาณ 15 นาทีแล้วครับ แต่เอาเถอะ ไหนๆก็มาแล้ว ไหนจะตัวอย่างที่ปกติก็มีกันร่วมครึ่งชั่วโมงอยู่แล้ว มิหนำซ้ำ ยังจะไปรับน้องทันด้วย (ตอนแรกกะแล้วว่าเลทแน่ๆ) เมื่อทุกอย่างเป็นใจขนาดนี้ เอาวะ! ผมกดจองที่นั่งหนึ่งที่ตรงกลางโรงภาพยนตร์ รูดบัตรดังปื๊ด บัตรออกดังพรึ่ด แล้วเดินไปยังพนักงานฉีกตัวทันที
พอผมยื่นตั๋วให้ พนักงานยืนสตั๊นชั่วครู่ ก่อนเอ่ยกับผมว่า "ลูกค้าดูเรื่องนี้เหรอครับ?" อ้าว กูกดมาให้มึงดูเล่นมั้งครับ ผมเลยตอบไปด้วยควาโมโหขั้นสุดว่า .. "ครับ" ทันทีที่ผมเดินเข้าโซนฉายภายนตร์ไป ผมหันกลับไปมองที่ที่พนักงานคนนั้นเคยยืน ... เค้าหายไปแล้วครับ ... แม่งใส่เกียร์หมาวิ่งไปนู่นแล้ว ผมแปลกใจเล็กน้อยแต่ไม่ได้สงสัยอะไรมาก แล้วเดินต่อไปยังโรงฉาย
ทันทีที่ได้เห็นจอภาพยนตร์ ผมถึงกับต้องดูนาฬิกาอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นในใจว่า "OH SHIT" จอภาพมืดสนิท ไร้ซึ่งผู้คน ผมเอ่ยในใจขึ้นอีกครั้งว่า "สัด กูพลาดแล้ว" ผมเดินเข้าไปที่เก้าอี้นั่งแถว H ตรงกลางโรง กลางจนไม่รู้จะกลางยังไง เป็นที่ที่ผมชอบนั่งที่สุด แต่คราวนี้ ผมเริ่มจะเกลียดมันแล้วแหละครับ
ผมรอไปอีก 5 นาที ด้วยความอ้างว้าง ไม่มีแม้แต่เสียงเพลงให้ชื่นฉ่ำใจ พลางพูดคุยกับตัวเองไปว่า "กูรู้แล้วล่ะ ว่ามันวิ่งไปไหน" ซักพัก ตัวอย่างภาพยนตร์ก็ฉายขึ้น ... เพียงสองเรื่องเท่านั้น แล้วก็ขึ้นเพลงสรรเสริญพระบารมี ... ห๊ะ 2 เรื่อง เดี๋ยวๆ นี้เป็นการฉายตัวอย่างภาพยนตร์ที่เร็วที่สุดในชีวิตผม และนี่เป็นครั้งแรกที่ผมไม่ได้ยืนตอนเพลงสรรเสริญพระบารมีบรรเลงขึ้น ผมขอโทษที่ผมทำแบบนั้น แต่มันเขินเกินจะยืนขึ้น ข้างบนนั่นหลังเครื่องฉาย ต้องมีคนยืนดูเราอยู่เป็นแน่
ผมดูภาพยนตร์ไปด้วยความเบื่อนิดๆหน่ายหน่อยๆ เพราะหนังเรื่องนี้ช่วงครึ่งแรกเต็มไปด้วยการเล่าเรื่อง เล่าอย่างเดียวเลย สปายบางก็ได้ (ถุ๊ย) จนไปถึงครึ่งหลัง หนังเริ่มจะมีความสนุกเพิ่มขึ้น เริ่มมีปม คลายปม จนสุดท้ายก็เป็นอะไรที่ผมประทับใจไม่น้อย (จริงๆเราไม่ควรจะมารีวิวหนังตอนนี้) ผมไม่รู้จะขอบคุณหรือเดินไปตบพนักงานให้หัวฝว่ำดี ที่ไม่ยอมบอกว่า "ไม่มีใครดูเลยนะครับ ฉายไปคงไม่คุ้มครับ" อะไรก็ว่าไป ผมเข้าใจได้ครับ แต่ก็ขอบคุณครับที่อุตส่าห์เปิดให้ดู ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณค่ายมาจอร์ด้วยครับที่ดูแลลูกค้าดีแบบนี้ แหม่ เยี่ยมจริงๆ (วันหลังเอาตารางในแอพออกด้วยนะ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น